จริง! เป็นการป้องกันไม่ให้เครื่องยนต์ชำรุด จากการขาดนํ้าหล่อเย็น
ความร้อนขึ้น หรือโอเวอร์ฮีท (OVERHEATED) หมายถึงน้ำหล่อเย็นของเครื่องยนต์มีความร้อนเกินระดับใช้งานปกติ มีสาเหตุหลายประการ เช่น พัดลมไฟฟ้าไม่ทำงาน คลัทช์ความหนืดของพัดลมเสื่อมสภาพ สายพานขาด ท่อน้ำรั่ว หรือแตก ฯลฯ แต่ไม่ว่าเหตุผลใด สุดท้าย คือ เครื่องยนต์ถูกใช้งานโดยขาดของเหลว (น้ำ) ช่วยระบายความร้อน เพราะตราบใดที่ระบบน้ำหล่อเย็นยังสมบูรณ์ เครื่องยนต์จะไม่โอ- เวอร์ฮีท จนถึงขั้นชำรุด แต่ถ้าน้ำในระบบขาดไป เครื่องยนต์ชำรุดแน่ ส่วนใหญ่อาการประจำ คือ ฝาสูบโก่ง เติมน้ำเข้าไปใหม่แล้วรั่ว บางทีอาจมีรายการปะเก็น (GASKET) ชำรุดพ่วงด้วย
ดังนั้นจึงเป็นเรื่องใหญ่ที่คนใช้รถต้องรู้วิธีป้องกัน คือ หมั่นชำเลืองดูมาตรวัดความร้อนเป็นระยะๆ สำหรับรถรุ่นใหม่ที่ไม่มีมาตรวัดความร้อนแบบเข็ม ก็ดูไม่ให้มีไฟรูปอุณหภูมิสีแดงขึ้นโชว์ก็พอ โดยเฉพาะเมื่อขับรถที่ความเร็วสูงอย่างต่อเนื่อง เพราะถ้าหากน้ำแห้งสัก 5 นาที รถก็พังแล้ว
หากพบว่าความร้อนขึ้น หรือโอเวอร์ฮีท ให้รีบนำรถเข้าข้างทาง หยุดรถ และดับเครื่อง ยนต์ทันที อย่าคิดว่าใกล้ถึงที่หมาย และฝืนขับต่อเด็ดขาด ให้ตามช่างจากศูนย์บริการ หรืออู่ประจำที่ไว้ใจได้มาจัดการ
ถ้ามีประสบการณ์ และความกล้าพอ ให้จอดพักจนความร้อนลดลง และเติมน้ำกลับเข้าไปใหม่ให้เพียงพอ และขับต่อโดยพักดับเครื่องยนต์เป็นระยะๆ และขับให้เร็วพอในเกียร์สูง อาศัยลมปะทะผ่านหม้อน้ำมาระบายความร้อน
จำไว้ว่า ตราบใดที่ “เข็มความร้อน” ยังไม่ชี้สุด (แถบแดง) หรือยังไม่เห็นไฟรูปอุณหภูมิสีแดง ปรากฏขึ้น เครื่องยนต์จะไม่มีวันชำรุดได้ครับ
------------------------------
ขอบคุณข้อมูลจาก
นิตยสาร FORMULA ฉบับเดือน พฤษภาคม ปี 2563